วันที่ 21 ธันวาคม 2558 เวลา 19:00 น.
คดีกู้ยืมเงิน
ถ้าจะพูดถึงเรื่องที่ Call Center รับสายเป็นอันดับที่ 1 ของปัญหาที่ขอปรึกษาทนายความ หนูไปกู้เงินเขามาค่ะ เขาให้หนูเซนต์ชื่ออย่างเดียว โดยไม่ได้กรอกขอความอะไรเลย ไม่ให้สำเนาหรือคู่ฉบับด้วย หนูก็ส่งดอกเบี้ยให้เขาตลอด ทนายถามว่าส่งดอกเบี้ยอย่างไร หนูเอาเงินสดไปส่งให้เขาค่ะ หรือไม่เขาก็ให้ชายไทยไม่ทราบชื่อมาเก็บที่บ้าน หน้าตาหน้ากลัวค่ะ แต่วันนี้หนูไม่มีเงินที่จะส่งให้กับเขาแล้ว เขาโทรมาขู่ว่าเขาจะฟ้องหนู หนูจะติดคุยมั้ยค่ะ หนูจะทำอย่างไรดีค่ะ คุณทนาย
คำเตือน เมื่อคุณทำนิติกรรมอะไรก็ตาม นิติกรรม คืออะไรค่ะ เอาตามตัวภาษาชาวบ้าน นิติ คือกฎหมาย กรรมคือการกระทำ รวมความคือการกระทำของคุณที่เกี่ยวกับกฎหมาย การกู้ยืมต้องมีหลักฐานและลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ จากคำถามผู้กู้เอาสัญญากู้ยืมที่ขายตามท้องตลาดมาให้เซนต์ชื่อไว้เฉยๆ ดูเหมือนสัญญาจะสมบูรณ์ตามข้อกฎหมาย แต่ข้อความในสัญญาไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย พอมาดูเอกสารท้ายคำฟ้อง เจ้าหนี้กรอกข้อความครบถ้วน
คำเตือน ถ้าไม่ได้หลักฐานสัญญาเงินกู้มา เวลาจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ก็ควรจะไปโอนเงินที่ธนาคาร เขียนใบโอนเข้าบัญชีผู้ให้กู้ เก็บสำเนาไว้ อย่าให้หายล่ะ เวลาไปกู้เงินก็พาใครไปด้วยจะได้มาเบิกความเป็นพยานให้เรา การที่เจ้าหนี้กรอกข้อมูลในช่องต่างให้ครบนั้น ถือว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ติดคุกครับ ถ้าเขียนช่องดอกเบี้ย เกินกว่าร้อยละ 15 ถือว่าผิดกฎหมาย ดอกเบี้ยเป็นโมฆะ เงินที่จ่ายไปทั้งหมดถือเป็นเงินต้น เก็บหลักฐานไว้ ถ้ามีชายไทยไม่ทราบชื่อมาทวงหนี้ ก็ผิดกฎหมายอีกถ้าไม่ไปขึ้นทะเบียนไว้ ทางที่ดีคุณไปแจ้งความหรือร้องทุกข์ ที่ศูนย์ดำรงธรรม ที่ศาลากลางจังหวัดไว้จะดีและปลอดภัยสำหรับคุณ
สรุปคือ ผู้ให้กู้ก็อย่าโลภ เด่วดอกเบี้ยหรือหลักฐานตัวเองจะพาเข้าคุก ผู้กู้ก็เช่นกันอย่ามักง่าย สร้างหนี้ ต้องขยัน อดทน ประหยัด ถ้าทุกคนในสังคมไทยไม่เอารัดเอาเปรียบกันมาก สังคมมีความสุข ทนายความเตือนภัยครับ